วันที่ 8 ส.ค.61 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการติดตามจับกุม นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน ผู้สั่งการยิง น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย และนายอนันต์ จริตรัมย์ หรือฟอส หน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ว่า เขาอยู่ในใจผม คือผู้ต้องหาที่หนีหมายจับพวกนี้ มี 2 ทางเลือก มี ทางตัน กับ ทางตาย มีแค่นั้นเอง ยิ่งมีปืนด้วยมอบตัวดีที่สุด ไม่ได้พูดเพื่อส่งสัญญาณ เพราะปากกับใจตรงกันอยู่แล้ว เขามีปืน เป็นคนสั่งการ เขาฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิง แล้วจะให้ทำอย่างไร ก็ต้องบอกลูกน้องป้องกันตัวไว้ก่อน
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องลงไปทำคดีนี้เองหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ไม่หรอก แต่ผมอยู่ในสายงานอย่างนี้มาอยู่แล้ว เมื่อถามอีกว่า ได้ส่งตำรวจชุดดรีมทีม ซึ่งเป็นตำรวจสืบสวนสอบสวนของผบ.ตร.ลงไปทำคดีนี้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ทำอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง
ผู้สื่อข่าวยังถามอีกว่า แสดงว่าขณะนี้ใกล้เจอตัว เสี่ยอ้วนแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ตอบว่า ไม่บอกส่วนกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า เสี่ยอ้วน เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วนั้น ผบ.ตร. ตอบว่า ไม่ทราบเหมือนกัน สำหรับการประสานกับทางกัมพูชา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ขอสงวนไว้ก่อน เพราะถามบอกไปวันนี้เดี๋ยวขยับ ส่วนจะต้องใช้คอนเนกชั่น (connection) ส่วนตัวด้วยหรือไม่ ตนขอดูก่อนว่ามีความคืบหน้าอย่างไร ซึ่งก็ดูมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เขาจะไปทางไหน
ทั้งนี้ ทีมสังหารที่ถูกจับกุมได้แล้ว ประกอบด้วย
1นายสายันต์ศรีสุข (คนชี้เป้า)
2นายเกียรติศักดิ์สุรางค์แสงมีบุญหรือบอนด์ คนขับรถ (ซีอาร์วี)
3นายจิรศักดิ์อุนัยบันหรือบ๊อปปี้คนขับรถ (โตโยต้ายาริส)
4นายกฤษณะศรีสุขหรือมดทีมประกบเหยื่อและทีมคุ้มกัน
5นายณรงค์วรินทรเวชหรือบ่าวมือปืน
โดยวันนี้ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ตำรวจได้นำรถยนต์ 2 คันจริงมาจำลองทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจากการสอบปากคำ นายบ่าว ทราบว่า วันเกิดเหตุเสี่ยอ้วน ใช้ปืนจ่อไปที่ศีรษะน้องสปาย ขณะนั้น น้องฟอส พยายามวิ่งหนีจะขึ้นรถ เสี่ยอ้วนจึงหันกระบอกปืนไปยิงน้องฟอส จากนั้น นายบ่าว จึงยิงใส่น้องสปาย และน้องฟอสอีกหลายนัดจนเสียชีวิต ก่อนที่ทีมสังหารจะแยกย้ายกันหลบหนี
ข้อมูลจาก workpoint