เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม ที่ท้องสนามหลวง เป็นวันสุดท้ายของพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งในวันนี้เวลา 10.30 น. จะมีขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 5 เชิญพระโกศพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และในเวลา 16.30 น. จะมีขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6 ขบวนกองทหารม้าเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปบรรจุ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามและวัดบวรนิเวศวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนจากทั่วประเทศต่างมาจับจองพื้นที่ตามถนนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ตั้งแต่ถนนราชดำเนินใน ราชดำเนินกลาง ถนนพระสุเมรุ ถนนอัษฎางค์ ถนนบำรุงเมือง ถนนหน้าพระลาน ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ เพราะอยากจะเห็นบรรยากาศของขบวนกองทหารม้า โดยตั้งแต่ช่วงเช้าแม้ประชาชนจะไม่มีโอกาสได้เห็นริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 5 ซึ่งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวังก็ตาม แต่ประชาชนก็มาปักหลักรอรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์แน่นบริเวณหน้าศาลฎีกา ริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง และหน้าประตูวิเศษไชยศรี
นางพรพรรณ นภโสภณ ชาวขอนแก่น ซึ่งเดินทางมาพักกับลูกสาวย่านสายไหมในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เนื่องจากทำหน้าที่เป็นจิตอาสาเฉพาะกิจ ถือพานดอกไม้จันทน์ที่พระเมรุมาศจำลอง พระลานพระราชวังดุสิต กล่าวว่า วันนี้ออกจากบ้านมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาจับจองพื้นที่หน้าวัดราชบพิธฯ โดยเมื่อขบวนได้เข้าไปในวัดแล้วก็จะรีบไปวัดบวรนิเวศวิหารต่อ เนื่องจากอยากจะเห็นริ้วขบวนให้มากที่สุด ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาทุกวันได้ทำหน้าที่จิตอาสาเฉพาะกิจทุกวัน จนวันนี้คิดว่าเป็นวันสุดท้ายแล้ว ขอมาส่งเสด็จในหลวง ร.9 สักครั้งหนึ่ง จึงได้แต่งชุดไทยจิตรลดา และติดเข็มกลัดที่ระลึกพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ไปต่อคิวซื้อมาที่กรมประชาสัมพันธ์มาด้วย เพราะอยากให้สมพระเกียรติ
นางพรพรรณกล่าวอีกว่า แม้ว่าที่ผ่านมาจะเหนื่อย หรือว่าวันนี้จะต้องรอนานแค่ไหน ก็ไม่รู้สึกท้อถอยแต่อย่างใด เพราะเทียบไม่ได้กับ 70 ปี ที่พระองค์ทรงงานหนักเพื่อคนไทยทั้งปวง ตนมากราบพระบรมศพในหลวง ร.9 ได้เกือบ 100 ครั้ง เข้าชมนิทรรศการเย็นศิระฯเกือบ 100 ครั้งเช่นกัน ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา หากมีโอกาสจะมารับเสด็จในหลวง ร.9 ทุกที่ที่รู้ ทุกวันที่ 5 ธันวาคมต้องมาจับจองพื้นที่รับเสด็จ ตามไปทุ่งมะขามหย่อง
“ทุกวันนี้ก็ยังร้องไห้ ยังเสียใจและคิดว่าแลกชีวิตเพื่อพระองค์ได้ ไม่น่าเชื่อว่าเวลาแห่งความเศร้าได้ผ่านมา 1 ปีแล้ว พระองค์เป็นแบบอย่างให้กับคนไทยได้ทุกเรื่อง จากสารคดีต่างๆ พระองค์เสวยไม่เคยเหลือข้าวติดจาน ยาสีฟันรีดจนหมด และพระองค์ยังเป็นแบบอย่างแห่งความกตัญญู ทุกวันจะต้องเสด็จฯไปเสวยพระกระยาหารกับสมเด็จย่า ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เราซาบซึ้งและได้นำเรื่องราวบอกเล่าให้ลูกหลานให้มีความกตัญญูต่อพระองค์” นางพรพรรณเผย
ที่มา – มติชน