เมื่อวันที่ 2 พ.ย. เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าคดีก่อการร้ายในประเทศสหรัฐอเมริกา กรณีนายซาอีฟอุลเลาะห์ ไซปอฟ อายุ 29 ปี ผู้ลี้ภัยชาวอุซเบกิสถานก่อเหตุขับรถบรรทุกไล่ชนคนในนครนิวยอร์กในคืนเทศกาลฮัลโลวีน มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 คน ก่อนถูงตำรวจยิงบาดเจ็บและจับกุม ถือเป็นเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 8 ปีของนครนิวยอร์ก
ล่าสุด อัยการนำตัวนายไซปอฟไปรับทราบข้อหาก่อการร้ายแล้วที่ศาลในย่านแมนฮัตตัน โดยนายไซปอฟสารภาพว่าลงมือเพื่อสนับสนุนกองกำลังนักรบของรัฐอิสลาม หรือไอเอส พร้อมระบุว่ารู้สึกดี ทั้งยังโบกมือให้ผู้สื่อข่าวภายในศาลด้วย ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะทบทวนขั้นตอนการให้วีซ่าใหม่โดยเร็วที่สุด หลังพบว่านายไซปอฟได้สิทธิลี้ภัยเข้ามายังสหรัฐในปี 2553 แม้นายไซปอฟจะสารภาพว่าเพิ่งหันไปนิยมแนวคิดสุดโต่งและวางแผนก่อเหตุเมื่อปี 2559 ก็ตาม พร้อมเรียกร้องให้ศาลตัดสินโทษประหารชีวิต
ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “ไอ้ผู้ก่อการร้ายที่นิวยอร์กมันบอกว่ารู้สึกดีแถมยังมีหน้าขอธงไอเอสไปแขวนตอนนอนอยู่ในโรงพยาบาล มันฆ่าคนไป 8 เจ็บอีก 12 บอกเลยว่าสมควรรับโทษตายสถานเดียว!” ขณะที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังระบุว่าจะพิจารณาส่งตัวนายไซปอฟไปยังเรือนจำกวนตานาโม ซึ่งเป็นเรือนจำทางทหารอยู่ในประเทศคิวบาของกองทัพสหรัฐใช้สอบสวนผู้ที่ต้องคดีก่อการร้าย และถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหน่วยงานสิทธิมนุษยชนสากลว่าใช้การทารุณกรรมและละเมิดสิทธิผู้ต้องสงสัยอย่างกว้างขวาง
โฆษกสำนักอัยการนิวยอร์ก กล่าวว่า นายไซปอฟ ก่อการเพื่อสนับสนุนไอเอส โดยเจ้าหน้าที่พบหลักฐาน อาทิ มีดหลายเล่มในกระเป๋าสีดำใช้ตอนเกิดเหตุ ใบขับขี่รัฐฟลอริดา โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ภายในมีข้อมูลเกี่ยวกับไอเอสจำนวนมาก ส่วนข้อหานั้น ได้แก่ ก่อเหตุโจมตีด้วยยวดยานต์พาหนะ และการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติ โดยหลังจากที่นายไซปอฟในสภาพนั่งรถเข็นแต่ไม่ได้มีสีหน้าสลดแต่อย่างใดทราบข้อกล่าวหาแล้วก็ถูกส่งตัวไปคุมขังทันทีที่เรือนจำในย่านแมนฮัตตัน