เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เพิ่งเห็นข่าวปัญหางานวิ่งที่เมืองไทยไป จริงๆ ที่ญี่ปุ่นก็เกิดปัญหาคล้ายๆ กัน แต่ออกจะเป็นแนวคนละแง่มุม

ช่วงวันที่ 21 ที่ผ่านมามีการแข่งมาราธอนวิ่งผลัดหญิง หรือที่เรียกว่า ปรินเซสเอคิเด็น (プリンセス駅伝) ขึ้นที่จังหวัดฟุคุโอกะ ซึ่งการแข่งก็จะแบ่งเป็น 6 ระยะ ด้วยกัน ดังนี้

ระยะที่ 1…7.0 กม.
ระยะที่ 2…3.6 กม.
ระยะที่ 3…10.7 กม.
ระยะที่ 4…3.8 กม.
ระยะที่ 5…10.4 กม.
ระยะที่ 6…6.695 กม.

รวมระยะทางทั้งหมด…42.195 กม.

เป็นการแข่งครั้งยิ่งใหญ่ มีการถ่ายทอดสด มีนักวิ่งมืออาชีพที่เป็นตัวแทนจากบริษัทต่างๆ เข้าร่วมมากมาย เพื่อชิงตั๋วไปแข่งเอคิเด็นในระดับประเทศต่อไป

แต่ปีนี้ดูเหมือนจะเป็นปีอาเพศ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาเป็นระนาว

ตั้งแต่นักวิ่งอีดะ เร ตัวแทนจากบ.อิวาทานิซังเกียวผู้เป็นไม้สอง น่าจะเกิดข้อเท้าพลิกจนไม่สามารถวิ่งต่อได้ คุณอีดะจึงลงคลานไปกับพื้น ระยะทางที่ลงคลานนั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ คือ 300-400 เมตร จนมือถลอกปอกเปิก เลือดอาบเข่า

แต่เสียงของคนดูแตกออกเป็นสองฝ่ายหลักๆ ด้วยกัน ฝ่ายแรกคือฝ่ายที่บอกว่าประทับใจมาก นี่แหละสปิริตของทีม! สปิริตของนักกีฬา! จิตวิญญาณที่ไม่ยอมพ่ายแพ้!

อีกฝ่ายบอก ไม่ไหว รับไม่ได้ ที่ชื่นชมกับสภาพทุลักทุเลบีบคั้นจนตรอกแบบนี้ก็มีแต่คนญี่ปุ่นเท่านั้นแหละ สื่อที่ชอบหยิบภาพแบบนี้มาเรียกน้ำตาก็บ้าพอกัน เพราะถูกสอนกันมาหยั่งงี้ไงเล่าถึงได้เกิดระบบทาสในบริษัท Black ขึ้นมาน่ะ (Black หมายถึงบ.ที่ใช้งานแบบโหดหิน ทำโอฟรี มี Power harrasment ต่างๆ นานา แบบที่เพิ่งเป็นข่าวเกรียวกราวไป)

ที่สำคัญคือถ้าหมดสภาพแข่งต่อไม่ได้แล้ว ทำไมผู้จัดการทีมไม่สั่งให้หยุดเล่า!

เรื่องนี้มาเป็นที่เปิดเผยภายหลังว่าทางผู้จัดการทีมของบ.อิวาทานิซังเกียวได้ออกคำสั่งไปทางกรรมการจัดงานตั้งแต่ ณ จุดที่นักวิ่งอีดะล้มลงไปแล้วว่า “ให้หยุดวิ่ง” แต่ปรากฎว่าเกิดความล่าช้าทางการสื่อสารขึ้นอย่างไรไม่ทราบได้ กว่าคำสั่งจะไปถึงตัวนักวิ่งอีดะ ก็เหลือระยะทางอีกแค่ 15 เมตรก็จะถึงเส้นชัย ทางกรรมการที่ประกบตัวนักแข่งอยู่บอกว่าได้แต่ “เฝ้ามอง” เท่านั้น

อีกทั้งยังมีภาพของนักวิ่งโอคาโมโตะ ฮารุมิ สังกัดบ.ซุมิโตโมะมารีน นักวิ่งระยะสามที่วิ่งไปได้แปดกิโลก็เกิดอาการโผเผวิ่งผิดวิ่งถูกอย่างเห็นได้ชัด

แต่ผู้จัดการทีมกลับไม่มีการสั่งให้หยุด จนสุดท้ายนักวิ่งเป็นลมล้มกลิ้งลงที่ข้างทาง
หนำซ้ำกล้องยังถ่ายภาพเหล่าสตาฟฟ์ที่เป็นลุงแก่ๆ ในชุดสูทวิ่งกันลุกลี้ลุกลน แต่ดูไม่ค่อยช่วยอะไร แถมกว่ารถพยาบาลจะมาถึงยังกินเวลาอีกต่างหาก

ผู้เชี่ยวชาญในวงการออกมาวิพากษ์ว่า ในวันนั้นอุณหภูมิที่ฟุคุโอกะสูงมากจริงๆ คาดว่านักวิ่งน่าจะเป็นลมแดดไป แต่การบริหารจัดการที่ไม่พร้อมนี่อาจทำให้มีความเสี่ยงถึงชีวิต