เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกทม. กรุงเทพธนาคม และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BTSC ตรวจเยี่ยมและตรวจสอบความพร้อมก่อนเปิดทดลองให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งจะเปิดในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ โดยผู้ว่าฯกทม.และคณะผู้บริหาร ได้ขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานีสำโรง ไปถึงสถานที่เคหะสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง จากนั้นขึ้นรถไฟฟ้าต่อเพื่อไปเยี่ยมชมศูนย์ซ่อมบำรุง

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ในวันที่ 6 ธ.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานเปิดเดินรถ จากนั้นตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป จะเปิดให้บริการกับประชาชน
โดยให้ประชาชนทดลองใช้ฟรี 4 เดือน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น. ทั้งนี้ในส่วนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เริ่มการก่อสร้างงานโยธาและงานรางตั้งแต่ต้นปี 2555 จนเสร็จเรียบร้อยประมาณต้นปี 2560 จากนั้นกทม. ได้เริ่มเข้าดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลเมื่อเดือนต.ค. 2559 และสามารถเปิดเดินรถได้ 1 สถานีที่สถานีสำโรง เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังจากนั้น กทม.ได้ดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลในส่วนที่เหลือทั้งหมด รวมทั้งได้ทำการทดสอบอุปกรณ์ต่างๆ และทดสอบการเดินรถเสมือนจริงต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าระบบมีความพร้อมและมีความปลอดภัยซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบข้อบกพร่องแต่อย่างใด

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้ รฟม.โอนทรัพย์สินและหนี้สินให้กับกทม. โดยในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ กทม.ลงนามบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู เรื่องการจำหน่ายและโอนทรัพย์สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ (ใต้) แบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทางรวม 32 กม. งบประมาณ 51,785 ล้านบาท

ส่วนอัตราค่าโดยสาร ยืนยันว่าจะให้อยู่ในอัตรา 65 บาทตลอดสาย จนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน ในปี 2585 ซึ่งจะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ยังได้หารือกับเอกชน ในการติดตั้งราวกันตกและติดตั้งลิฟท์และสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานให้กับผู้พิการและผู้สูงอายุ เชื่อว่าเอกชนจะไม่มีการขาดทุนอย่างแน่นอน ทั้งนี้ยืนยันว่าในสมัยผู้ว่าฯอัศวิน จะไม่มีการออกงบประมาณอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการ ไม่น้อยกว่า 60,000 คน ซึ่งจะช่วยลดความแอดอัดการจราจรบนถนนสุขุมวิทสายเก่าต่อเนื่องถนนสุขุมวิทได้เป็นอย่างมาก

สำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นโครงการรถไฟฟ้าแบบยกระดับตลอดเส้นทาง ระยะทาง 13 กม. จำนวน 9 สถานี เป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ แนวเส้นทางเริ่มต้นต่อเนื่องจากแนวเส้นทางของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร บีทีเอส ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทตอนที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่งบริเวณซอยสุขุมวิท 107 ไปตามแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท ผ่านคลองสำโรง ผ่านแยกเทพารักษ์ แยกปู่เจ้าสมิงพราย เมื่อถึงบริเวณจุดตัดกับโครงการถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ แนวจะเปลี่ยนจากเกาะกลางไปทางทิศตะวันตกของถนนสุขุมวิท เพื่อข้ามทางต่างระดับสุขุมวิท จากนั้นจึงเปลี่ยนกลับมาอยู่ในแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท ผ่านแยกศาลากลาง แยกการไฟฟ้า แยกแพรกษา แยกสายลวดจนถึงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้ง โดยแนวเส้นทางจะเบี่ยงออกทางด้านทิศตะวันตกและลดระดับเพื่อเข้าศูนย์ซ่อมบำรุง

ส่วนศูนย์ซ่อมบำรุงของโครงการมีพื้นที่ประมาณ 123 ไร่ ในพื้นที่ประกอบด้วย อาคารบริหารและศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการเดินรถ อาคารซ่อมบำรุงหลัก อาคารจอดรถไฟฟ้า รางทดสอบ และอาคารประกอบอื่นๆ นอกจากนี้ รฟม. ได้จัดให้มีอาคารจอดรถแล้วจร 1 แห่ง ตั้งอยู่บริเวณสถานีเคหะสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานีปลายทางเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ สามารถจอดรถรวมกันได้ประมาณ 1,200 คัน