ความหมายลึกๆ ของสุดยอดของเล่นตลอดกาล

‘รูบิค’ จากปากผู้สร้างที่มีมากกว่าความสนุก

แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไป มีของเล่นไฮเทคเจ๋งๆ มากมายเข้าสู่ตลาด แต่ ‘รูบิค’ ของเล่นทรงลูกบาศก์ก็ยังคง

เป็นอะไรที่มอบความสนุกพร้อมกับการฝึกสมองมาเป็นเวลาช้านานกว่า 43 ปี และดูไม่มีแววจะจางหายไปไหน

แน่นอนว่าเรารู้ว่ารูบิคเป็นของเล่นที่ช่วยลับสมองให้เรามีความคิดที่รวดเร็วและมีความจำที่ดีขึ้น แต่เราเคยรู้กัน

บ้างไหมว่า คนสร้างเขาคิดยังไงตอนที่สร้างเจ้าของเล่นสี่เหลี่ยมสุดปวดหัวนี้ขึ้นมา ฉะนั้นเราต้องย้อนไปถึงผู้

สร้างกันก่อน

Erno Rubik ชายชาวฮังการี่คนนี้ก็คือผู้คิดค้นของเล่นสุดอมตะ รูบิค โดยเขาเกิดที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศ

ฮังการี่ ในเรื่องชีวิตส่วนตัวนั้น เขาก็เป็นคนธรรมดาฐานะกลางๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไร จนกระทั่งในปี 1974

ช่วงที่เขาได้ไปเป็นอาจารย์สอนภาควิชาสถาปนิก ในวัย 30 ปี

ซึ่งจากที่เริ่มเข้ามาสอนนักเรียน เขารู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้มีอายุที่ห่างจากนักเรียนมากนัก เขารู้ว่าตัวเองยังมี

พลังมีความทะเยอทะยานที่จะหาอะไรใหม่ๆ มาสอนนักเรียน โดยเฉพาะเรื่องของพื้นที่และมิติ เขาจึงสร้าง

รูบิคขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยสอนเรื่องดังกล่าว

เมื่อรูบิคเกิดขึ้นมา เขาก็เกิดความคิดในหัวว่า เจ้าลูกบาศ์กที่ประกอบจากสี่เหลี่ยมเล็กๆ 26 ชิ้นนี้มันจะ

ทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่แค่ว่าเราจะแก้ปัญหามันได้หรือไม่ แต่เราสามารถหา “วิธี (Method)” ในการแก้

ปัญหาได้หรือเปล่าต่างหาก

จนกระทั่งเขาทำความเข้าใจกับรูบิคของเขาได้อย่างถ่องแท้ เขาก็เข้าใจแล้วว่ารูบิคที่เขาสร้างขึ้น

ไม่ได้สร้างเพื่อแก้ปัญหาเป็นเส้นตรง แต่มันสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ให้เราหาทางออกได้มากกว่านั้น

ซึ่งมันทำให้ Erno มองเห็นศักยภาพของเจ้ารูบิคนี้ เขาจึงหาสายการผลิตเล็กๆ และสร้างมันขึ้นมา

จำนวนมากเพื่อกระจายให้กับทุกๆ คน

ในปี 1980 บริษัทไอเดียลทอยส์ที่ทำสัญญากับ Erno ก็ได้ตัดสินใจปล่อยรูบิค หรือที่เขาเรียก

ในตอนแรกว่า “ลูกบาศก์มหัศจรรย์” ออกสู่ตลาดพร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น รูบิค อย่างเป็นทางการตาม

ชื่อของเขานั่นเอง และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของของเล่นฝึกสมองที่ยังฮิตมาจนถึงปัจจุบัน…

แต่เชื่อไหมว่าความหมายสุดท้ายจริงๆ ของเจ้า รูบิคสำหรับ Erno นั้น มันเป็นอะไรที่มากกว่าของเล่น

เพราะมันหมายถึงการไม่ยอมแพ้ โดยเขาให้เหตุผลว่า

“ชีวิตคนเรามักจะมีทางออกเสมอ บางครั้งเราอาจจะค้นพบอะไรแปลกใหม่เพื่อมาช่วยแก้ไขปัญหาจนได้ถ้า

เราพยายามจนเกิดผลลัพธ์ และที่สำคัญการที่วันนี้ของเรามันแย่ ไม่ได้ความว่าวันต่อๆ ไปจะไม่ดี ทุกอย่าง

ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะยอมแพ้หรือเปล่า”

*****************************