การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. เป็นการลงสนามนัดสุดท้ายของกลุ่ม บี “กระทิงดุ” สเปน มี 4 คะแนน พบ โมร็อกโก ที่ลงสนาม 2 นัดยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น ตกรอบเป็นที่แน่นอนแล้ว โดยเกมนี้ สเปน ไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากต้องเดินหน้าเก็บ 3 คะแนนเท่านั้นหากหวังจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

และเพียง 14 นาทีเท่านั้น เซร์คิโอ รามอส กองหลังจอมโหดของทีมชาติสเปนทำเสียบอลกลางสนามปล่อยให้ คาลิด บูตาอิบ ฉกเข้าไปยิงผ่านมือ ดาบิด เด เคอา เข้าไปในนาที 14 ทำให้สเปนอยู่ในสถานการณ์ลำบากไม่น้อย อย่างไรก็ตามเพียง 5 นาทีถัดมาเท่านั้น แข้งกระทิงดุ ก็ทวงประตูคืนอย่างรวดเร็ว ในจังหวะที ่ดาบิด ซิลบา แทงทะลุให้ อิเนียสตา ถึงเส้นหลังก่อนผ่านให้ อิสโก ยิงจ่อๆ บอลเสียเพดานเข้าไปอย่างสวยงาม ตีเสมอโมร็อกโก เป็น 1-1

เข้าสู่ครึ่งหลัง สเปน โหมใส่แหลกและครองบอลได้มากกว่าถึง 70 เปอร์เซนต์ต่อ 30 เปอร์เซนต์ แต่แล้วนาที 81 โมร็อกโก ที่บุกขึ้นมาจนได้เตะมุมครั้งแรก ก็เล่นงานแชมป์โลกปี 2010 ด้วยลูกกลางอากาศ ยูสเซฟ เอ็นเนซีรี ลอยตัวขึ้นโขกโล่งๆ หมดทางที่ ดาบิด เด เคอา จะป้องกัน ส่งโมร็อกโก ช็อกโลกขึ้นนำ สเปนอีกรอบ 2-1

นาที 90 ยาโก อาสปาส ส่งบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่าย แต่ผู้ตัดสินขอเช็ก VAR เพื่อความชัวร์เนื่องจาก อาสปาส ก่ำกึ่งจะล้ำหน้า แต่ท้ายที่สุดชี้เป็นประตูตีเสมอ 2-2 จบเกมเสมอกันไปด้วยสกอร์ดังกล่าว ทำให้จบรอบแรก กลุ่มบี สเปน คว้าแชมป์กลุ่มไปเตะ 3 นัดมี 5 คะแนน ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปเจอ รัสเซีย อันดับ 2 กลุ่ม เอ ส่วนโปรตุเกส อยู่ในอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 5 แต้มเท่ากันเข้าไปเจอกับรัสเซียต่อไป