ตั้งใจชนให้ล้มแต่ถึงตาย !
กราบขอขมามา หนุ่มขับเก๋งอ้างตั้งใจเบียดให้ลม ไม่ได้จะชนให้ตาย
สืบเนื่องจากกรณี 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุรถเก๋งชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายเหตุเกิดบริเวณสะพานข้ามแยกลำลูกกา บนถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันออก (บางปะอิน–บางพลี) ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทราบชื่อผู้ตายคือ ส.ต.อ.เศรษฐการ ลอยขามป้อม ผบ.ส. ทางหลวง 2 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ส่วนตัวคนร้ายได้หลบหนีไปช่วงเวลาหนึ่ง
ต่อมาเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 23 ก.พ. นายกิตติรัช ราญประเสริฐ คนขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ที่ขับชนรถจักรยานต์ของ ส.ต.อ.เศรษฐการ ลอยขามป้อม ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. เสียชีวิต เข้ามอบตัวที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง หลังมอบตัวนายกิตติรัชถูกสอบสวนเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงและได้ทำการตรวจแอลกอฮอล์และตรวจปัสสาวะหาสิ่งเสพติด
เบื้องต้นจากคำให้การของผู้ก่อเหตุระบุว่าตนได้จอดรถบนมอเตอร์เวย์เพื่อตกปลาริมถนน ซึ่งขณะนั้นมีตำรวจทางหลวงมาไล่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นจุดห้ามจอดรถ เมื่อตำรวจขอตรวจค้น ตนจึงขับรถหนีเพราะในรถมีทั้งขวดเบียร์และบุหรี่ไฟฟ้าอยู่จึงกลัวว่าจะถูกดำเนินคดี จากนั้นตนจึงตัดสินใจหักรถชนตำรวจผู้เสียชีวิตเนื่องจากต้องการหลีกหนีการจับกุมเท่านั้น
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อและอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานพยานเนื่องจากการกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายเจตนาฆ่าพนักงานซึ่งปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 289 ได้
ทางด้าน พ.ต.ท.สุเมธ ธิราพืช รองผู้กำกับการสอบสวน กล่าวว่า เบื้องต้นหลังจากสอบปากคำ นายกิตติรัช ให้การยอมรับว่า เห็นตำรวจขับรถติดตามมา กลัวว่าจะถูกจับ จึงตั้งใจที่จะขับรถชนเพียงแค่ให้รถของตำรวจล้ม ไม่สามารถติดตามจับตนเองได้ จากการตรวจปัสสาวะและเลือดในร่างกายไม่พบสารเสพติด ส่วนที่ลักษณะท่าทางของนายกิตติรัช ที่มีอาการคล้ายคนเมา เป็นเพราะบุคลิกที่เป็นคนแบบนี้ โดยหลังจากนี้จะมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีเจตนาฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ และนำตัวไปฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุได้ร้องขอทนายความ จึงได้ประสานศาลจังหวัดปทุมธานี เพื่อจัดหาทนายความมาให้ก่อนพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา
ล่าสุดวันที่ 24 ก.พ. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา นำตัวนายกิตติรัช ไปสอบสวนต่อที่ สภ.ลำลูกกา ในระหว่างการคุมตัวออกมานั้น เพื่อนของผู้ตายเข้าทำร้ายร่างกายนายกิตติรัช เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันห้าม ก่อนนำตัวผู้ต้องหากลับเข้าไปในห้อง อีก 10 นาที ต่อมาจึงนำตัวนายกิตติรัชออกมาขึ้นรถอีกครั้ง โดยนายกิตติรัชยกมือไหว้ขอโทษก่อนขึ้นรถไป